“ผมจะไม่ยอมทิ้งดุสิตธานีไปไหน” — คือคำยืนยันจากทายาทคนโตของ โรงแรมดุสิตธานี ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งภายในครอบครัวซึ่งตกเป็นประเด็นร้อนในวันที่ 27 สิงหาคม 2568. บทความนี้จะเล่าเรื่องราวชีวิตของ “นายชนินทธ์ โทณวณิก” ผู้ที่เคยเป็นอาจารย์ ก่อนจะเข้ามารับบทบาทสำคัญในธุรกิจโรงแรมไทยระดับตำนาน ตลอดจนแรงผลักดันที่เขายังคงยืนหยัดเพื่อรักษามรดกแห่งตระกูล

จุดเริ่มต้นและประวัติส่วนตัว
นายชนินทธ์ (ชื่อเล่น: “อ้วน”) เป็นบุตรชายคนโตของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี และบุตรของปวิต โทณวณิก มีน้องสาวอีก 2 คน คือ สินี เธียรประสิทธิ์ และสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค
เส้นทางการศึกษา
คุณวุฒิการศึกษาและการอบรม
- Master of Business Administration, Boston University สหรัฐอเมริกา
- Director Certification Program รุ่น 72/2549 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- Director Accreditation Program รุ่น 10/2547 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- The Board’s Role in Mergers and Acquisitions รุ่น 1/2565 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- Role of the Chairman Program รุ่น 51/2565 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- สัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์จากธนาคารแห่งประเทศไทย
ก้าวแรกสู่อาชีพ
ก่อนเดินตามรอยแม่ เขาเคยเป็นอาจารย์ที่คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชีจากนั้นจึงเข้ามารับบทบาทในธุรกิจโรงแรมของครอบครัว ทุ่มเทสืบทอด “Business with Honor” — ทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ ยึดประโยชน์ประเทศชาติและลูกค้า — ตามแนวทางที่แม่วางไว้
ผลงานและเหตุการณ์สำคัญ
ในฐานะผู้บริหารอาวุโสและกรรมการหลายบริษัทในเครือดุสิตธานี เขามีบทบาทอย่างโดดเด่น ดังนี้:
- รักษาการประธานกรรมการ กรรมการการลงทุน และประธานกรรมการบริหาร DUSIT
- กรรมการในบริษัทต่าง ๆ ในเครือ เช่น ดุสิต ฟู้ดส์, เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต, ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท, Dusit Fudu Hotel Management (Shanghai), Dusit Thani Philippines, วิทยาลัยดุสิตธานี, หอการค้าไทย ฯลฯ
- ริเริ่มโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับบริษัท
อย่างไรก็ตาม เขาตกเป็นประเด็นพูดถึงอย่างมากเมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เขาได้ออกแถลงการณ์ต่อสื่อ ว่า บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด (ผู้ถือหุ้นใหญ่) ได้เสนอให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งกรรมการ และมีความพยายามนำ “คนนอก” เข้ามาควบคุมกิจการ โดยไม่เป็นธรรมต่อมรดกของครอบครัว
โครงการเพื่อสังคม
แม้จะไม่ค่อยมีข้อมูลชัดเจนในแหล่งข่าวสาธารณะเกี่ยวกับโครงการเพื่อสังคมเฉพาะของเขา แต่ในแนวคิดของ “Business with Honor” ซึ่งเป็นแนวทางธุรกิจที่เขาและองค์กรยึดถือ สะท้อนแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงคุณค่าของสังคม ประเทศชาติ และลูกค้าอย่างเท่าเทียม
รางวัลและเกียรติประวัติ
- ผ่านโปรแกรมอบรมกรรมการหลายหลักสูตรระดับสูงจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- นับว่าเป็นบุคคลสำคัญที่รักษาเจตนารมณ์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ดุสิตธานีต่อเนื่องจากผู้ก่อตั้ง
ข้อเท็จจริงหรือเกร็ดที่น่าสนใจ
• ก่อนเข้ามาทำงานบริหาร เขาเคยเป็น “อาจารย์” ซึ่งทำให้มีพื้นฐานการวิเคราะห์และการสื่อสารที่แข็งแกร่ง
• ในยุคนั้น โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้ปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ในปี 2562 เขาเป็นหนึ่งในผู้อำลาและดูแลให้พนักงานเป็นแขกสุดท้ายของโรงแรมนั้น
สรุป
จากอาจารย์คณะพาณิชย์ศาสตร์ เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรโรงแรมระดับชาติ พลิกฟื้นและผลักดันโครงการสำคัญในเครือฯ แต่เมื่อมีความขัดแย้งในครอบครัว ดั่งคำพูดที่ว่า “ผมจะไม่ยอมทิ้งดุสิตธานีไปไหน” คือสิ่งที่สะท้อนความมุ่งมั่น ทั้งในฐานะทายาท ความเป็นมืออาชีพ และผู้รักษามรดกที่คนรุ่นหลังควรร่วมฟัง