หากในใจคุณมีภาพพระสงฆ์ที่ก่อตั้ง “บ้านสุดท้าย” ให้ผู้ป่วยเอดส์—คงไม่มีใครโดดเด่นเท่าหลวงพ่ออลงกต ผู้ที่เปลี่ยนใจจากเส้นทางวิศวกรสู่การบวช และนำพระพุทธศาสนามาช่วยชีวิตผู้คนที่ถูกทอดทิ้งด้วยเมตตา จนโครงการของท่านกลายเป็นกรณีศรัทธาครบวงจรในสังคมไทย

จุดเริ่มต้น: จากวิศวกรสู่หนทางธรรม
ท่านมีนามเดิมว่า อลงกต พลมุข เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย แต่ความเรียบง่ายและความมีวินัยจากการเลี้ยงดูของคุณย่าช่วยหล่อหลอมให้ท่านมีจิตใจมั่นคง
เส้นทางการศึกษา
เรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และต่อยอดในระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ช่วงนั้นชีวิตดูเหมือนจะไปได้ดี—แต่สุดท้ายเส้นทางธรรมกลับเรียกให้ท่านทิ้งงานในกระทรวงและเข้าสู่การบวช
สู่ชีวิตสงฆ์และสังคม
ปี พ.ศ. 2522 ท่านบวชที่วัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมได้รับฉายาว่า “อลงกต ติกฺขปญฺโญ” จากนั้นออกธุดงค์ ฝึกฝนธรรมะอย่างเข้มข้น จนในปี พ.ศ. 2531 ท่านได้ออกรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และวางรากฐานให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางงานสงเคราะห์
โครงการเพื่อผู้ป่วยเอดส์
ท่านริเริ่ม “โครงการธรรมรักษ์นิเวศน์” ใน พ.ศ. 2535 เพื่อดูแลผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้ายและเด็กกำพร้า โครงการนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคประชาชน และอาสาสมัคร จนทำให้เกิดเครือข่ายดูแลครบวงจรต่อไป
การขยายงานสู่ชุมชน
- พ.ศ. 2537: ก่อตั้งมูลนิธิธรรมรักษ์
- พ.ศ. 2538: เปิดศูนย์เรียนรู้เรื่องโรคเอดส์
- พ.ศ. 2540: ขยายโครงการ “ธรรมรักษ์นิเวศน์ 2” เป็นชุมชนครบวงจร
- พ.ศ. 2547: เปิดโครงการเมตตาธรรมค้ำจุนโลก และบ้านเด็กธรรมรักษ์
รางวัลและเกียรติประวัติ
- ได้รับสมณศักดิ์ถึงชั้น “พระราชวิสุทธิประชานาถ”
- ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากหลายมหาวิทยาลัย เช่น ธรรมศาสตร์, สงขลานครินทร์, รามคำแหง
เกร็ดน่าสนใจ
โครงการดูแลผู้ป่วยและเด็กจำนวนกว่า 2,000 คน ใช้งบประมาณเดือนละเกือบ 4 ล้านบาท แต่รัฐบาลสนับสนุนเพียง 100,000 บาท ส่วนที่เหลือมาจากภาคประชาชน และอาสาสมัคร—นี่คือภาพของเมตตาธรรมที่เป็นรูปธรรมนอกเหนือคำสอน
สรุป
หลวงพ่ออลงกตคือภาพสะท้อนของผู้นำที่ไม่เพียงสอนธรรมะ แต่ใช้ชีวิตและลงมือทำ โดยใช้หัวใจวิศวกรเพื่อสร้างระบบที่ยั่งยืน—เป็นบทเรียนของการแบ่งปันอย่างไม่ทอดทิ้ง